6. ให้เรากำหนดรายละเอียดภาพการ Save ในส่วนของ Preset โดยในส่วนนี้ จะเป็นการกำหนด นามสกุลของภาพ โดยจะมีให้เลือก เป็น Gif, Jpeg, Png-8, Png-24 ขึ้นอยู่กับรายละเอียดภาพ สังเกตุตรงพื้นที่แสดงภาพตัวอย่าง เลือกปรับรายละเอียดได้
ส่วนประกอบในหน้า Save For Web & Devices
ทางด้านซ้ายมือ ที่เป็นรูปไอคอนเครื่องมือ (แนวตั้ง) ที่ใช้บ่อย คือ 1.รูปมือ ไว้สำหรับ จับภาพตัวอย่างเลื่อนไปมา | 2. รูป slice (ที่วงกลมแดง) สำหรับเลือกรูปภาพที่ต้องการ
พื้นที่แสดงตัวอย่างงาน (บริเวณกรอบเหลือง) จะแจ้งรายละเอียดตัวอย่างงาน เช่น ชนิดภาพ, คุณภาพรูปภาพ, ขนาดไฟล์, ระยะเวลาในการโหลดภาพ เป็นต้น สามารถเปรียบเทียบตัวอย่างได้ โดยคลิ๊กที่แท็บด้านบน 4 แท็ป (Original | Optimized | 2-Up | 4-Up)
แถบตัวเลือก ขนาดการแสดงผล เป็น % (บริเวณใต้กรอบเหลือง) สำหรับย่อ-ขยายดูรายภาพตัวอย่าง
ทางด้านขวา (กรอบแดง) เป็นพื้นที่สำหรับ การเซฟภาพสำหรับใช้บนเว็บไซต์นั้น สามารถเลือกประเภทไฟล์ภาพได้หลายประเภท ขึ้นอยู่กับรูปแบบของภาพที่เราใช้ครับ ในการเซฟภาพ สำหรับภาพถ่าย หรือภาพที่มีรายละเอียดสูง ควรเลือกเป็นไฟล์ JPEG และเรายังสามารถที่จะเลือกปรับค่า Quality ตามที่เราต้องการได้ โดยในการปรับลดค่า Quality ลง ต้องดูที่ตัวภาพด้วยว่ารายละเอียดของภาพลดลงมากน้อยเพียงใด เพื่อให้ภาพมีน้ำหนักเบา แต่ยังคงเห็นภาพได้ชัดเจนครับ ลองเลือกดูจะเห็นความแตกต่าง สังเกตุตรงภาพตัวอย่าง ควรขยายซัก 100 - 300 % จะเห็นชัด
ในกรณีรูปมีความโปร่งใส
ภาพที่นิยมเซฟเป็นไฟล์ GIF ได้แก่ ภาพโลโก้ ภาพหัวข้อ ตัวอักษร หรือ ปุ่มต่าง ๆ เนื่องจากเราสามารถกำหนดให้พื้นหลังของภาพ หรือบริเวณรอบ ๆ ของภาพโปร่งใสครับ โดยเราสามารถลดจำนวนของสีลงได้ ภาพที่ทำการลดจำนวนของสีลงแล้ว จะมีขนาดของไฟล์ภาพที่เบาลง แต่การจะลดจำนวนสีลงได้นั้น ขึ้นอยู่กับตัวภาพด้วย ว่ามีการใช้สีที่มากน้อยเพียงใด เพื่อไม่ให้สีของภาพ หรือรายละเอียดของภาพผิดหรือเสียหายครับ
ไฟล์ PNG ไฟล์ภาพประเภทนี้ จะรวมความสามารถของไฟล์ GIF และ JPEG เอาไว้ คือ ภาพที่ได้จะมีความละเอียดสูง มีความชัด ภาพไม่แตก แต่ไฟล์ภาพชนิดนี้มีขนาดที่ใหญ่กว่า JPEG และ GIF มาก หากนำไฟล์ชนิดนี้มาใช้กับเว็บไซต์คงจะไม่ดีนัก เพราะจะทำให้การแสดงผลบนหน้าเว็บไซต์ของเรา ใช้เวลาโหลดนานขึ้นครับ
กดเลือกประเภทไฟล์เป็น gif , png-8 หรือ png24 (จะต่างกันในแง่ของขนาดไฟล์ และรายละเอียดภาพ)
หากเราทำการเลือกที่ Transparency จะเป็นการเลือกเพื่อให้พื้นหลังของภาพโปร่งใสครับ
หากเราได้ทำการเลือกภาพเป็นแบบ Transparency แล้ว สิ่งต่อไปที่ควรจะปรับคือ Matte เนื่องจากในส่วนนี้จะเกี่ยวข้องกับเรื่องขอบของรูปภาพ ตัวเลือก ตัวเลือกที่ใช้บ่อยมี ดังนี้ None : ภาพจะไม่มีขอบ หรือขอบไม่คมชัด White : ภาพจะมีขอบสีขาว เหมาะสำหรับใช้บนพื้น Background สีขาว Black : ภาพจะมีขอบสีดำ เหมาะสำหรับใช้บนพื้น Background สีดำ Other : เป็นการเลือกสีขอบภาพให้ตรงกับสีพื้น Background ที่เรามีอยู่
หากรู้พื้นหลังที่ใช้ในเว็บอยู่แล้ว ให้เลือก Matte Color ให้เป็นสีที่ตรงกับพื้นเว็บไซต์ที่ใช้งาน (สำหรับกำหนดสีบริเวณขอบๆที่โปร่งใส จะได้ต่อเนื่องกันสีพื้นเว็บไซต์)
ถ้าหากเว็บของเรา ฉากหลังเป็นสีขาว เราก็ควรเลือกสีขาว
ถ้าหากเว็บเรา ฉากหลังเป็นสีดำเราก็ต้องเลือก matte สีดำ
เสร็จแล้ว